ใครจะเฮ เจาะ 5 หลักสำคัญ อังกฤษ เจอ อิตาลี รอบชิงยูโร2020
1 min read
ใครจะเฮ อีกเพียงแค่ไม่กี่วันทุกๆคนจะได้ทราบกันแล้วว่า อังกฤษ หรือ อิตาลี ชาติไหนจะผงาดคว้าชัยชนะยูโร 2020
ใครจะเฮ อีกเพียงแค่ไม่กี่วันทุกๆคนจะได้ทราบกันแล้วว่า อังกฤษหรือ อิตาลีชาติไหนจะผงาดคว้าชัยชนะยูโร 2020 โดยงานนี้จำต้องบอกเลยว่าทั้งคู่ทีมเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกันอย่างยิ่งจริงๆ เมื่อเทียบกับสถิติตั้งแต่เริ่มเปิดตัวทัวร์นาเมนต์นี้
ทีมของที่ปรึกษาแกรเร็ธ เซาธ์เกต สร้างผลงานสุดแข็งด้วยการเสียเพียงแค่ประตูเดียวแค่นั้น ในตอนที่อิตาลี ก็มีความแน่นแฟ้นเหมือนกัน รวมทั้งเสียเพียงแค่ 3 ลูกเพียงแค่นั้น แต่ว่ากองทัพ “อัซซูรี่” จะมีความอันตรายอย่างยิ่งกว่านิดหน่อย
ตรงที่จังหวะการจบสกอร์ที่เฉียบคมกว่าเจ้าของบ้าน บทสรุกของแมตช์นี้จะออกมาคืออะไร ผู้คนจำนวนมากคงจะตั้งตารอกันด้วยความบริสุทธิ์ใจฝักใฝ่ เมื่อก่อนที่กำลังจะได้มองแมตช์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
ลองพินิจพิจารณาสิ่งที่บางครั้งก็อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนแปลง และก็จุดที่ทำให้ อังกฤษหรือ อิตาลีที่กำลังจะได้ยกโทรฟี่แชมป์ในครั้งนี้ เกมรับชี้ชะตาแชมป์ “เกมรุกทำให้ท่านชนะ แต่ว่าเกมรับจะมีผลให้คุณเป็นแชมป์”
วลีเด็ดที่แวดวงลูกหนังที่ยังคงใช้ได้จนกระทั่งตอนนี้ เพราะว่าหัวใจหลักของการบรรลุผลในแต่ละเกมมันก็คือการมีเกมรับที่กล้าแกร่ง และก็เล่นบกพร่องให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำเป็น อังกฤษชุดนี้จะต้องบอกเลยว่าแนวรับของพวกเยี่ยมยอดมากๆ
ไม่ว่าจะเป็นตัวหลักรวมทั้งผู้เล่นสำรอง โดยแผงแบ็กโฟร์ของกองทัพ “สิงโตคำราม” อาทิเช่น แฮร์รี่ แม็กไกวร์, จอห์น สโตนส์, ลุค ชอว์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างแน่นแฟ้น นำมาซึ่งการทำให้ จอร์แดน พิคฟอร์ด ไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองปกป้องมากสักเท่าไรนัก
เพราะเหตุว่ามีแผงหลังซึ่งสามารถสะสางจังหวะอันตรายออกไปได้เป็นประจำ คู่เซนเตอร์ตัวหลักของ “ทรี ไลอ้อนส์” เล่นลูกในอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม ในเวลาเดียวกันก็ยังค่อยช่วยเพิ่มเกมรุกเมื่อทีมได้ลุ้นทำแต้มจากลูกตั้งเตะไม่ว่าจะเป็นฟรีคิก
หรือเตะมุม จะมองเห็นทั้งคู่คนรอมาวนเวียนอยู่ในกรอบจุดโทษคู่แข่งขันเป็นประจำ ระหว่างที่ฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งจำเป็นต้องบอกเลยว่าผลงานเลิศหรูยอดเยี่ยมมากๆโดยยิ่งไปกว่านั้น ชอว์ ที่จะต้องพูดว่าสะดุดตาทั้งยังเกมรับ
แล้วก็เกมรุก ที่สำคัญยังมีจังหวะสำหรับเพื่อการเปิดบอลที่ถูกต้องแม่นยำเพื่อแนวรุกเข้าทำเป็น จัดว่าทัวร์นาเมนต์นี้เขาโชว์ฟอร์มได้เด็ดดวงอย่างยิ่งจริงๆ ผลงานการเสียเพียงแค่ 1 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ ประกันความแน่นแฟ้นในเกมรับของ อังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม
แต่อิตาลี ก็มีลักษณะเด่นในหัวข้อนี้ด้วยเหมือนกันคู่กองหลังตัวกลาง จอมเก๋าอย่าง เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ แม้ว่าจะมีความเร็วด้อยกว่าแนวรุกอังกฤษทั้งยัง ราฮีม สเตอร์ลิง, บูกาโย่ ซาก้า รวมทั้ง แฮร์รี่ เคน
แต่ว่าความเก๋ามากมายประสบการณ์ของพวกเขาคงจะทำให้เกมบุกของคู่ปรับจำเป็นต้องอ่อนล้ารากเลือดแน่นอน เกมรับอิตาลีมีความแน่นแฟ้นมากมายๆในรอบแบ่งกลุ่มเมื่อพวกเขาไม่เสียประตูเลย แม้กระนั้นในรอบน็อกเอาต์ดันพลาดเสียเกมละ 1 ลูก
ใครจะเฮ ทำให้กลุ่มเสียไปแล้ว 3 ประตู หมายคือว่าจุดนี้อาจจะเป็นผลให้อังกฤษ เห็นช่องทางสำหรับเพื่อการเจาะเข้าไปทำคะแนน “อัซซูรี่” ได้ แนวรุกอิตาลีอันตรายทุกวินาที แม้ว่าอังกฤษ จะมีผู้เล่นเกมรุกที่อันตรายอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็น แฮร์รี่ เคน, ราฮีม สเตอร์ลิง, บูกาโย่ ซาก้า, เจดอน ซานโช่ แล้วก็ แจ็ค กรีลิช ก็ตาม ผลบอลสดทุกลีก
งานนี้จำต้องบอกเลยว่าทั้งคู่ทีมเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกันอย่างยิ่งจริงๆ
ใครจะเฮ แม้กระนั้นแม้เทียบเคียงความสามารถแนวรุกของอิตาลี หมดทั้งตัวจริงรวมทั้งผู้เล่นสำรองบอกเลยว่าพวกเขาเหนือกว่ามากมาย มาร์โก แวร์รัตติ , เฟเดริโก้ เคียซ่า , ลอเรนโซ่ อินซินเย่, ชิโร่ อิมโมบิเล่ รวมทั้ง มัตเตโอ เปสซิน่า ทั้งสิ้นนี้ช่วยเหลือกันยิงคนละสองประตูในทัวร์นาเมนต์นี้
ในขณะที่ นิโคโล่ บาเรลล่า ซัดไป 1 ลูก ในช่วงเวลาที่ประตูจำนวนมากของ “สิงโตคำราม” มาจาก เคน กับ สเตอร์ลิง จะมองเห็นได้ว่าแนวรุกของ “อัซซูรี่” สามารถช่วยเหลือกันแบ่งเบาภาระประเด็นการสร้างสรรค์ช่องทาง รวมทั้งแนวทางการทำประตู
โดยยิ่งไปกว่านั้น เคียซ่า กับ อินซินเย่ ต่างช่วยยกฐานะเกมบุก ยิ่งเมื่อกลุ่มอยู่ในตอนฉุกเฉินถ้าหากพบกับคู่ปรปักษ์ที่เหนือกว่า ทั้งคู่คนสามารถใช้จังหวะเพียงแต่ครั้งหรือสองครั้ง ทำแต้มได้ในทันที ราวกับในแมตช์ที่ปะทะกับ สเปน
แน่นอนว่าในแมตช์สำคัญ โรแบร์โต้ มันชินี่ น่าจะใช้แนวรุกสามตัวทีเด็ดดังเช่นว่า อิมโมบิเล่, เคียซ่า และก็ อินซินเย่ ปฏิบัติหน้าที่ไล่ล่าตาข่าย อังกฤษแต่พวกเขายังมีกำลังเสริมอย่าง โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ แล้วก็ อันเดรีย เบล็อตติ ที่พร้อมลงสู่สนามเพื่อช่วยกลับเกมให้ทีม
ด้วยเหตุดังกล่าวนี่เป็นจุดอันตรายที่ เซาธ์เกต จะต้องสั่งย้ำผู้ร่วมทีมเอาไว้ให้ดีๆเนื่องจากว่าเรื่องความเฉียบคมสำหรับการทำคะแนนบอกเลยว่าอิตาลี ชุดนี้เด็ดขาดมากยิ่งกว่าอังกฤษ หลายเท่า ด้วยเหตุดังกล่าวสมาธิในเกมรับจำต้องนิ่ง ไม่งั้นได้อิดโรยรากเลือดแน่นอน
ดอนนารุมม่า ปะทะ พิคฟอร์ด หนึ่งในคีย์แมนสำคัญซึ่งสามารถนำทีมคว้าโทรฟี่อองรี เดอโลเน่ย์ ซึ่งก็คือตำแหน่งผู้เฝ้าประตู โดยผลงานของ จานลุยจิ ดอนท้องนารุมม่า กับ จอร์แดน พิคฟอร์ด ถือว่าเยี่ยมยอดมาตั้งแต่เปิดฉากทัวร์นาเมนต์นี้อย่างยิ่งจริงๆ
อย่างที่บอกเอาไว้ตั้งแต่ข้อแรกว่าเกมรับของทั้งคู่ทีมค่อนข้างจะเด่นมากมายๆ โดยอังกฤษ จะเหนือกว่าเล็กน้อยตรงที่เสียเพียงแค่ประตูเดียวแค่นั้น อย่างไรก็ดีนั่นก็มิได้แสดงว่าพวกเขาจะกล้าแกร่งมากยิ่งกว่า “อัซซูรี่”
สำหรับ พิคฟอร์ด มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับในการนำ “สิงโตคำราม” เข้ามาเล่นในรอบชิงแชมป์ ด้วยเหตุว่าเขามีชอตเซฟสวยๆหลายทีในศึกยูโร 2020 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมปราบ เยอรมนี เจ้าตัวได้โชว์ซูเปอร์เซฟได้ 2-3 ครั้งอย่างยิ่งจริงๆ
อย่างไรก็ดีในเกมที่เฉือน เดนมาร์ก 2-1 พิคฟอร์ด ทำผลงานไม่ค่อยดีเท่าใด เนื่องจากมีหลายจังหวะที่เขาเปิดบอลพลาดทำให้ทีมเกือบจะเสียประตู ส่วนจังหวะที่โดนกองทัพ “โคนม” ยิงนำ คนจำนวนไม่น้อยคิดว่าเขาคงจะทำเป็นดียิ่งกว่านี้เพราะว่าวิถีการยิงฟรีคิกของ มิคเคล ดัมสการ์ด ไม่ได้เข้ามุมมากเท่าไรนัก
ในขณะที่ ดอนนารุมม่า ทำผลงานได้ดีในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ว่าในรอบ 16 ทีมท้ายที่สุด, รอบก่อนรองชนะเลิศ รวมทั้งรอบรองชนะเลิศ เขาเสียไป 3 ประตู แม้กระนั้นเป็นการเสียนัดหมายละ 1 ลูกแค่นั้น ที่สำคัญคู่ต่อสู้ของพวกเขาก็แกร่งมากยิ่งกว่าคู่แข่งขันที่อังกฤษพบในรอบน็อกเอาต์
ในแมตช์ที่เจอ สเปน จะต้องบอกเลยว่า ดอนนารุมม่า โชว์ซูเปอร์เซฟบ่อยมาก อย่างเช่นจังหวะการยิงของ ดานี่ โอลโม่ นอกเหนือจากนั้นเขายังมีสายตาที่เฉียบคมสำหรับการเปิดบอล โดยประตูขึ้นนำ 1-0 ม เจ้าตัวก็มีส่วนร่วมสำคัญที่ออกบอลเร็ว
แชมป์ที่รอเป็นแรงผลักดันสำคัญ ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยคิดว่านี่เป็นแชมป์รายการระดับประเทศที่อังกฤษ เฝ้ารอคอยมานานเพราะเหตุว่าตั้งแต่แมื่อที่มีการต่อสู้ทัวร์นาเมนตี้ตั้งแต่ปี 1960 พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสโทรฟี่อองรี เดอโลเน่ย์ แม้กระทั้งเข้ามาเล่นในรอบชิงก็จะต้องรอคอยถึง 61 ปีกว่าจะมายืนในรอบนี้
แน่นอนว่าแรงผลักดันของกองทัพ “สิงโตคำราม” ก็คือการได้เข้ามาอยู่ในทำเนียบแชมป์ทวีปทีแรก ภายหลังที่ก่อนหน้าที่ผ่านมาชื่อเสียงระดับชาติที่ทำให้อังกฤษ สามารถมีหน้ามีตาได้ก็คือแชมป์ฟุตบอลโลก 1966 ซึ่งในสมัยนั้นยังคงใช้ถ้วยจูลส์ ริเมต์ อยู่เลย
การได้แชมป์เพียงแค่รายการเดียวในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ ทำให้อังกฤษ ค่อนข้างจะโดนแซวอยู่เป็นประจำเพราะเหตุว่าพวกเขามักเคลมตนเองว่าเป็นดินแดนที่เกิดเกมลูกหนัง แต่ว่าพอสมควรที่ตู้โชว์กลับมาแชมป์เวิลด์ คัพเมื่อ 55 ปีเพียงแค่นั้น
ช่วงเวลาที่ เยอรมนี, อิตาลีรวมทั้ง ประเทศสเปน ทรงเกียรติเรื่องราวรวมทั้งการบรรลุเป้าหมายมากยิ่งกว่าพวกเขา อย่างไรก็แล้วแต่ อิตาลีก็มีแรงผลักดันในหัวข้อนี้เหมือนกัน เนื่องจากว่านี่เป็นการลุ้นแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 ของพวกเขา ภายหลังที่ได้เป็นเจ้าของมาแล้ว 1 สมัยเมื่อปี 1968
ด้วยเหตุนี้การนำโทรฟี่นี้กลับสู่กรุงโรม บ้านเกิดก็เลยเป็นกำลังขับเขยื้อนสำคัญของกองทัพมะกะโรนีเหมือนกัน เวมบลีย์ ข้อเด่นของอังกฤษ (จริงเหรอ) การที่อังกฤษ ได้ลงเล่นนัดหมายชิงที่สนามเวมบลีย์ หลายท่านเห็นว่านี่เป็นสิ่งที่ได้เปรียบสำคัญที่จะทำให้พวกเขาเอาชนะ อิตาลีได้
เนื่องจากเสียงเชียร์ที่ดังสนั่นหวั่นไหว จะเป็นตัวกระตุ้นเร้าให้กับกองทัพ “สิงโตคำราม” สู้แบบมอบให้หัวเพื่อครอบครองแชมป์ให้ได้ อย่างไรก็ดีการเจอกับ อิตาลีที่สนามกีฬาแห่งชาติเมืองผู้ดีสำหรับในการแข่งทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์
ใครจะเฮ จะต้องบอกเลยว่า “ทรี ไลอ้อนส์” มีสถิติไม่น่าอภิรมย์เอาซะเลย เมื่อพวกเขาแพ้คาบ้านในศึกฟุตบอลโลก แล้วก็ ยูโร รอบเลือกสรรอีกทั้ง 2 รายการเมื่อปี 1977 รวมทั้ง 1998 แน่นอนว่าการได้เล่นในสนามตนเองแถมยังมีคู่รักบอลได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้แทบ 60,000 คน ช่องทางยิงเยอะ
